“ลาวไปด้วยคนดินาย” กรุงเทพ-วังเวียง-เวียงจันทร์ 4 วัน 3 คืน 5000 เอาอยู่

เฮ่ลโหลววว เอฝวี่บาดี้ วันนี้ก็มาพบกับทริปวังเวียง-เวียงจันทร์ แบบละเอียดกันเลยทีเดียว ชัดเจนทุกประเด็น

บทนำ : มาเริ่มกันที่ความเป็นมาก่อนว่าทำไมเราถึงไป (สำหรับคนไม่อยากรู้ สามารถข้ามไปได้เล้ย)

เนื่องจากกำลังจะจบปี 4 ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปแต่ละที่ เพื่อก็เลยจัดทริปซึ่งก็คือทริปลาวนี้เอง เพราะว่าตอนฝึกงานมีเพื่อนในกลุ่มไปฝึกงานที่ลาว เลยสามารถพาเที่ยวได้ พอได้ที่เที่ยวแล้ว ขั้นต่อมาก็หาสมาชิกกัน ซึ่งในทริปนี้เราได้เพื่อนร่วมแก๊งค์มา 12 คน เย้ๆ (จริงๆ 13 คนแต่เพื่อนต้องอบรมทำงานเลยไม่ได้ไป) ซึ่งทริปนี้เราจะตั้งชื่อกลุ่มว่า “ลาวไปด้วยคนดินาย”

ข้อมูลเบื้องต้น

- ช่วงที่ไป วันที่ 18-22 พฤาภาคม 2561

- สมาชิก 12 คน

- คนเกาหลีเยอะมาก หน้าตาดีด้วย

- ที่ลาวใช้เงินไทยได้

- เรท ณ ตอนนั้น อยู่ที่ 263.49

18 MAY 2018ไปก็ไปด้วยกันนะ

ก่อนจะได้ไป เราก็ต้องมาจองรถไปกันก่อนถึงจะไปลาวได้ ซึ่งเราก็ได้เลือกวันมาแล้วว่าจะเริ่มออกเดินทางวันที่ 18 ช่วงเย็นและ กลับ 22 พฤษภา ซึ่งเป็นช่วงที่สอบเสร็จแล้วไปเลยทันที โดย

ขาไป : เราได้แบ่งเป็น 2 กรุ๊ป คือ ทีมรถไฟ และ ทีมรถทัวร์
(ที่แยกเพราะเราและเพื่อนบางคนไม่ชอบนั่งรถทัวร์ด้วยเหตุผลบางประการ)

#ทีมรถไฟ – จากหัวลำโพง-อุดรธานี รอบประมาณ 2 ทุ่ม- 6 โมงเช้า โดยทริปนี้ตัวเราเองเลือกรถไฟนอน CNR ชั้น 2 ที่เป็นแบบเบาะแดงอ่ะ ซึ่งราคาเตียงบนจะอยู่ที่ 877 บาท และ เตียงล่าง 977 บาท ตรงที่นอนเราก็จะมีที่ชาร์ตแบตกับไฟอ่านหนังสือให้ ตอนขึ้นไปแรกก็จะเป็นที่นั่งก่อนแล้วพนักงานก็จะมาทำให้เป็นที่นอน ขอบอกว่าราคาอาหารบนรถไฟค่อนข้างแพง ถ้าไม่อยากเสียงเงินให้กินมาก่อนหรือซื้อเข้ามา

ความแตกต่างเตียงล่าง-บน
เตียงล่าง จะมีหน้าต่าง และที่นอนใหญ่กว่าเตียงบน

#ทีมรถทัวร์ – จากหมอชิต- บขส อุดรธานี รอบ 3 ทุ่ม-ตี 5 ของนครชัยแอร์ VIP คือสบายเบาะดีและกว้าง ราคาก็เกือบ 500 ถูกกว่ารถไฟ มีจอ ขนมและน้ำให้

พอมาถึงทีมรถไฟก็ต้องไปที่จุดนัดพบที่บขส พอเราลงรถไฟก็จะมีพวกวิน กับตุ๊กๆมาคอยเรียก ซึ่งเราก็จะทำหน้าสวยๆแล้วเดินเชิดรถตุ๊กๆไปได้เลย เพราะเราจะเดิน เดิน แล้วก็เดิน ซึ่งมันไม่ได้ไกลเลยแกรรร

อ่อ ลืมบอกไปว่าตอนที่ทีมรถทัวร์มาถึงก็ได้ข่าวว่ารถทัวร์ไปวังเวียงมันหมดแล้ว ทำให้เราต้องเปลี่ยนแพลนจากนั่งรถทัวร์ไปวังเวียง เปลี่ยนไปเป็นรถตู้ไปลงหนองคายนั่นเอง เย้ๆ

รถตู้บขส อุดร-หนองคาย 50 บาท

พอลงรถปุ๊บ พวกทัวร์ก็มาอีกตามเคย ตามตื้อเก่งสุดอะไรสุด เราก็เดินเชิดๆ จนสุดท้ายได้มาในราคา 280 บาทถึงวังเวียง เราก็โอเคกัน ก็นั่งรถตู้ข้ามด่านไทย-ลาว ซึ่งระหว่างทางก็ให้เค้าแวะแลกเงินเป็นสกุลกีบก่อน (Rate 263.49B) ไปถึงหน้าบริษัท ถ้าจำไม่ผิดชื่อสุดใจทัวร์ แล้วก็เปลี่ยนเป็นอีกรถนึงเป็นรถบัส มุ่งหน้าไปวังเวียง

19 MAY 2018 (DAY1)โอ้ นี่หรือวังเวียง

กว่าจะมาถึงวังเวียงได้ แทบอ้วก ทางแบบโค้งเยอะสุดไรสุด ใครเมารถพกถุงไปด้วยนะคะ เรามาถึงที่วังเวียงประมาณบ่ายสองโมงได้ ซึ่งรถบัสมาจอดตรงลานโล่งๆกว้างๆ มีรถตุ๊กๆมารอีกแล้ว เค้าก็มาถามเราว่าไปไหน เราก็เลยบอกไป เค้าก็บอกโอเคๆ เดี๋ยวลดให้เหลือ 100,000 กีบ ซึ่งตอนนั้นมันร้อนมากเลยแกรรรร เราเลยตัดสินใจโอเค ขึ้นก็ขึ้น ไม่นานก็มาถึงที่พัก ที่พักเราได้จองผ่าน Agoda ชื่อที่พักว่า Vangvieng boutique hotel ซึ่งก็ไม่ใหญ่มาก มีของครบมาก ไดร์ กาแฟ ชา สบู่ ยาสระผม ผ้าเช็ดตัว ที่กวดหนวด น้ำอุ่น รวมอาหารเช้า(บุฟเฟต์) พนักงานน่ารักเป็นผู้หญิงผมสั้นดูท่าทางใจดีพูดได้ 3 ภาษา อังกฤษ เวียดนาม ลาวนิดหน่อย ไทยก็ฟังได้นะแต่นิดหน่อยจริงๆ ในราคา 530 บาทต่อคน ต่อสองคืน ก็ถือว่าโอเคไม่แพงมาก เราก็แบ่งเป็นห้องละ 3 คน 4 ห้อง ก็เก็บของ พักเหนื่อย

เนื่องจากไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เช้า เลยออกไปหาอะไรกิน แถวถนนเส้นนั้นก็จะมีร้านขายของ ขายอาหาร เลือกเดินหากันได้เลย เรามานั่งกินร้านอาหารตรงข้ามโรงแรม เป็นร้านตามสั่ง และน้ำปั่น

ข้าวกะเพราหมู 20000 กีบ น้ำแตงโมปั่น 5000 กีบ

กินเสร็จก็กลับไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด แล้วออกไปซื้อแพคเกจทัวร์ Zipline + Kayak + 2 ถ้ำ + Blue Lagoon ราคา 90000 กีบ (ลดราคา) ไม่ลดประมาณ 120000 กีบ

ซากุระบาร์ ที่ไม่ได้อยู่ญี่ปุ่นอ่ะ

หลังจากเดินเล่นสักพักก็ไปกินข้าวเย็นกันที่ร้านส้มตำ 15500 กีบ

ซากุระบาร์ ช่วงเวลา 20.00-21.00 จะมี free drink ให้ด้วย เราก็ไปประมาณสองทุ่มไปเอาเบียร์ฟรี เบียนที่ให้ก็จะจัดเป็นแก้ว หยิบได้ครั้งละแก้ว หมดก็มาเอาใหม่ได้เรื่อยจนกว่าจะหมดช่วงฟรี เบียร์ลาวที่นี้ราคา 20000 กีบต่อขวด น้ำแข็งถังละ 5000 กีบ

รีวิว : ราคาแพงกว่าข้างนอก ต้องไปเร็วหน่อยไปจองโต๊ะ เท่าที่ไปมาสองวันที่นั่งข้างหน้าฝั่งซ้ายมีแต่คนไทย ไกลเวที อยากเต้นมันส์ๆ นั่งติดเวทีเลยจ้า

20 MAY 2018 (DAY2)

จะอยู่หรือจะไป เดี๋ยวรู้เลยจ้า

เช้าวันที่ 2 ท้องฟ้าสดใส พร้อมลุยมากๆในวันนี้ ตื่นเช้ามากินข้าวเช้าที่โรงแรมเป็นแบบบุฟเฟต์ และรอรถจากทัวร์มารับ ตอน 9 โมง

สถานที่แรก : ถ้ำไรไม่รู้จำไม่ได้ ด่านแรกก็เปียกเลยจ้า

สถานที่ที่สอง : ถ้ำช้าง ไปไหว้พระในถ้ำจ้า

สถานที่ที่สาม : นี่สิของจริง Zipline ก็มาเด้อจ้า

พักเบรกมีข้าวให้นะจ้ะ แต่ก็ไม่ได้อร่อยเท่าไหร่ 555555

หลังจากพักเบรคเสรจแล้ว กิจกรรมต่อไปก็พายเรือ Kayak ต่อ นั่งลำละ 2 คนหรือ 3 คนก็ได้แล้วแต่ ตอนนั้นมันร้อนมากกกกก ทำให้เราแบบโคตรรีบพาย ไปถึงที่หมายลำแรกเลยจ้า ระยะทางก็ประมาณ 5-6กิโลเมตรได้ พายจนกล้ามขึ้นไปเลย

หลังจากที่ทุกคนพายเรือมาถึงกันหมด ก็นั่งรถไปบลูลากูนกันต่อ

น้ำใสมากจ้า เป็นเพราะฝนไม่ได้ตกด้วย โชคดีจริงๆ ไปถึงคนก็เยอะ ก็จะมีทางขึ้นไปให้กระโดดน้ำจากข้างบนด้วย พวกข้างล่างก็จะส่งเสียงเชียร์อัพให้เราด้วย สีสันเว่อร์

รถจะมารับเรากลับไปยังที่พักตอนห้าโมงเย็น

หลังจากกลับมาที่พักเราก็ไปกินหมูกระทะกันต่อ ชื่อร้านว่านิวตี้ หมูกระทะ อยู่ตรงทางที่รถที่พามาวังเวียงมาจอดส่งเรา อ่ะๆ แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ขึ้นรถตุ๊กๆมานะจ้ะ แต่เราเดินจ้า เพราะว่าเดินแป๊บเดียวก็เจอแล้ว คือไม่ต้องนั่งรถก็ได้อ่ะ อีตุ๊กๆมันหลอกกินเงินเราจ้า ตอนนั้นโมโหมาก เพราะว่าเหมามา 400 บาท ยังมีหน้ามาบอกลดให้สุดๆละ ลดพ่องง หื้มมม คิดแล้วก็น่าโมโห เสียค่าโง่ไปจริงๆ

ร้านหมูกระทะ ก็จะมีซีฟู้ดด้วย คิดไปหัวคนละ 80000 กีบ หรือกิโลละ 80000 กีบ เลือกได้เลยว่าจะเอาแบบไหน ของเรามากันเยอะ 12คน เลยเลือกแบบเป็นกิโลเอา ละหารๆกัน หมดไปประมาณ 35000 กีบ

กินเสร็จกลับห้องอาบน้ำ และปิดท้ายด้วยซากุระบาร์ต่อเลยจ้า

21 MAY 2018 (DAY3)บ้ายบายวังเวียง เฮลโหลเวียงจันทร์

เมื่อวานเราได้จองรถทัวร์ไปเวียงจันทร์รอบ 10 โมง ที่จองรถทัวร์จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆโรงแรม

ราคา รถที่มารับเราจะเป็นรถแวน 25 ที่นั่ง คนละ 50000 กีบ พอไปถึงเราก็หาทีพักต่อ ซึ่งตอนนั้นคือร้อนมากจ้า เลยคิดว่าหาที่ไหนได้ก็เอาเลยละกัน ชื่อที่พักว่า Haysoke Guesthouse ราคา 12 คน 800000 กีบ คนละ 70000 กีบ เป็นห้องใหญ่นอนห้องละ 3 คน ห้องละ 200000 กีบ คือ เราไม่ค่อยประทับใจที่นี้สักเท่าไหร่ เพราะจากที่พักที่วังเวียงคือดีทุกอย่าง มีครบ รวมอาหารเช้า แต่ที่นี้คือไม่ค่อยมีอะไร แอร์ไม่เย็น อาหารเช้าไม่มี ได้แค่กาแฟห้องละ 1 แก้ว กาแฟดีหน่อยไม่ใช่แบบกาแฟซองชงเองไรงี้นะคะ เป็นกาแฟจากร้านคาเฟ่ข้างล่าง

หลังจากเก็ยของเสร็จเรียบร้อยก็ไปหาอะไรกิน เดินไปจากที่พักสักพักก็จะมีร้านอาหารส้มตำ หมดไป 22000 กับ แล้วก็เดินต่อไปที่ริมแม่น้ำโขง แต่เนื่องจากแดดร้อนก็เลยไปนั่งที่คาเฟ่ อเมซอนก่อน

ที่ริมโขงตอนเย็นๆก็จะมีตลาดนัดมาตั้ง ราคาแบบบางอย่างก็ถูก บางอย่างก็แพง เช่น เสื้อสายเดี่ยว เสื้อยืดงี้ 8000 กีบเองจ้า ถูกมาก เออแล้วเราก็ไปซื้อกำไลเป็นของฝากช้ะ อันละ 8000 กีบ จ่ายเงินไทยได้ 3 อันร้อย เราก็กะจะเอา 3 อันแหล่ะแต่จ่ายเป็นเงินกีบ พ่อค้าบอกว่า 25000 จ้า งงเลย อันละ 8000 3อัน 25000 แหม่ๆ เลยท้วงไปว่ามัน 24000 นะพ่อค้า หยั่มมา พอมาคิดเรทไทยปุ๊บ เอ๋ 3 อันร้อย นี่ก็ตายสิ 8000กีบมัน 30 บาทเองนะ ดีนะทันพ่อค้า ใครไปซื้อก็อย่าลืมคิดเลขดีๆล่ะ ถ้าซื้อเงินไทยก็จะแบบแพงกว่าเราจ่ายเงินกีบนะคะ

พอเดินตลาดเสร็จสรรพ เราก็ตบท้ายด้วยการไปนั่งชิล กันที่ร้าน 3แยกป่าสัก เป็นร้านอาหาร มีดนตรีสด มีอาหาร เราก็ไปนั่งกิน ราคาเบียนร์ที่นี้จะถูกกว่าซากุระบาร์นะ ทาวเวอร์ 3 ลิตร 60000 กีบ มีเป็นขวดด้วยแต่จำไม่ได้ละ นักร้องร้องเพลงเพราะคะ แต่ไม่ได้หล่อเด้อ 5555 พนักงานน่ารัก บริการดี ให้ทิปได้นะ ที่นี่ลูกค้าก็จะแบบไทยๆลาวๆ นี่แหล่ะ เกาก็ไม่ได้มาล่ะ แต่พนักงานผู้ชายที่นี้ก็น่ารักอยู่เด้อ 5555

22 MAY 2018 (DAY4)Lastday In Loas

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี้ก็ไม่ได้มีแพลนอะไรมากนัก ตื่นสายได้นิดหน่อย ตื่นขึ้นมาก็ประมาณ 10 โมงได้ วันนี้แพลนทริปเราก็จะเป็นการไปชมเมือง ชมวัดกัน ก่อนจะไปชมก็ต้องกินข้าวเช้ากันก่อน เดินออกมาจากที่พักด้านซ้ายมือจะมีร้านอาหารชื่อว่า Sa La Van restaurant ร้านดูดี อาหารมีหลากหลาย ราคาไม่ได้แพง ไม่ได้แพงคือปกติที่ลาวอ่ะคะ ก็กินบะหมี่เป็ดไป ราคา 25000 กีบ

Wat Sisaket ค่าเข้า 40 บาท จ่ายเงินไทยได้เด้อ

ตอนเดินจะไปประตูชัยเราก็ได้แวะบขส ซื้อตั๋วรถกลับอุดรด้วยนะคะ คนละ 24000 กีบ และนั่งรถตุ๊กๆไปประตูชัยคนละ 5000 กีบ

ประตูชัย ค่าเข้า 15 บาท

ขากลับไปโรงแรมก็ใช้บริการตุ๊กๆคันเดิมเพราะว่าดีลกันไว้ตอนขาไปแล้ว กลับไปที่พักเพื่อขนของและกลับมาที่บขส คนละ 10000 กีบ

ที่ด่านเสียไปอีก 50 บาทค่า

นั่งตุ๊กๆไปสนามบินประมาณ 20 บาท